เลือกผ้าม่านอย่างไร ให้เหมาะกับบ้าน
หน้าที่ของหน้าต่าง ช่วยให้แสงส่องผ่านเข้ามาในบ้าน แต่บางครั้งแดดแรงเกินไป ก็ต้องหาอะไรมาบังแดดบ้าง ที่สำคัญต้องสวยด้วย หน้าที่อย่างนี้ต้องให้ยกให้ ผ้าม่าน ทำหน้าที่แทนคุณแล้วล่ะ
หน้าต่างเป็นส่วนประกอบสำคัญคู่กับบ้าน ที่เป็นส่วนช่วยลดและเพิ่มแสงได้ในบางเวลาที่คุณต้องการ โดยผ่านวัสดุที่เลือกใช้ในการบังแสงแดดในยามที่บ้านต้องรับแสงแดดเต็มๆ
ผ้าม่านหน้าต่าง เลือกให้เหมาะกับรูปทรงบ้าน
หน้าต่างเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่มีอยู่คู่บ้าน รูปร่างหน้าตาก็ย่อมมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของตัวบ้าน เมื่อมีหน้าต่างหรือช่องแสงแล้วในบางครั้งเมื่อมีแสงสว่างมากเกิน ไป อย่างในช่วงบ่ายซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อน และมีแสงสว่างมากกว่าช่วงอื่นของแต่ละวัน จำเป็นที่จะต้องหาวัสดุมาช่วยกรองหรือกั้นแสง แดดจากภายนอกให้ลดน้อยลง และวัสดุที่ว่านั้นก็คือ “ผ้าม่าน”นั่นเอง นอกจากจะช่วยกันแสงแดดแล้ว ผ้าม่านยังให้ความเป็นส่วนตัวภายในบ้าน ซึ่งหน้าต่างหรือช่องแสงกระจกใสไม่สามารถช่วยได้
การเลือกแบบผ้าม่าน ที่จะให้เข้ากับลักษณะของการตกแต่งภายในนั้นอาจดูเป็นของง่าย เช่น ความคิดที่ว่าการเลือกสีของม่านควรให้เข้ากับสีของผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ แค่นี้ก็เป็นอันใช้ได้ หากคิดแค่นี้ก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การที่บ้านจะดูสวยงามได้นั้นนอกจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ประกอบเข้ากันแล้วยังควรต้องคำนึงถึงบรรยากาศภายในบ้านที่จะช่วยส่งเสริมกันอีกด้วย
การทำม่านแต่ละแบบ จะขึ้นอยู่กับสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์ และสภาพโดยทั่วไปของห้องด้วย แต่จะให้บอกเป็นกฎเกณฑ์ตายตัวว่า แบบม่านเช่นนี้ ต้องใช้กับเฟอร์นิเจอร์แบบนี้ ก็คงเจาะจงไม่ได้ เพราะเรามีการตกแต่งแบบผสมผสานกันระหว่างเก่ากับใหม่ หรือมีการประยุกต์ใช้กัน ตัวอย่างบางกรณีที่ไม่อาจจัดรวมกันได้ เช่น เฟอร์นิเจอร์อย่างหนึ่ง แบบม่านกลับไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งดูแล้วขัดตา ไม่สวย แถมยังใช้เงินเกิน ความจำเป็นด้วย
อย่างเช่นลักษณะของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านของคุณเป็นแบบธรรมดา ๆ เป็นพวกเก้าอี้หวาย แต่คุณกลับไปเลือกม่านจับจีบห้อยระบายแบบหลุยส์ รวมทั้งชนิดของผ้าม่านและลวดลายของผ้าด้วย อย่างนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้าคู่กันได้ หรือคุณเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบสมัยใหม่ แต่กลับไปเลือกผ้าม่านเป็นลูกไม้โปร่งแบบโบราณ ก็ไปกันไม่ได้อีกเช่นกัน
การเลือกแบบผ้าม่านให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันต่างก็เป็นองค์ประกอบที่จะทำให้เกิดความสวยงามและสมบูรณ์แก่บ้าน แต่ละสไตล์ก็จะมีแนวทางการทำผ้าม่าน ไม่เหมือนกัน เช่น แบบจีนหรือแบบตะวันออกนิยมทำเป็นมู่ลี่ไม้ไผ่ หรือบางท้องถิ่นก็จะใช้ผ้าที่ทอขึ้นมาเองที่มีใช้กันในท้องถิ่นเป็นผ้าม่าน หากเป็นแบบตะวันตกที่เป็นแบบ โบราณตามยุคสมัยต่าง ๆ ลักษณะของผ้าม่านก็จะแตกต่างกันไปบ้าง
แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2010 เวลา 10:49 น.
ประเภทผ้าม่าน
วันพุธที่ 13 มกราคม 2010 เวลา 16:44 น. ผู้ดูแลระบบ
ผ้าม่าน
ที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ ม่านจีบ, ม่านเวที, ม่านคอกระเช้า , ม่านตาไก่ และ ม่านพับ
ชนิดของรางที่ใช้สำหรับม่านจีบหลักๆจะมี 2 ชนิดคือ
1. รางระบบลูกล้อ ใช้ระบบ ลูกล้อรางไมโคร รางตัวซี เป็นระบบมาตรฐาน การใช้งาน เลือกได้2วิธีคือ ใช้เชือกชักรอก (รางซี) หรือใช้ด้ามจูง (แบบอะคิลิคใส และ ไม้สัก) รางระบบนี้เมื่อติดตั้งตัวม่านจะอยู่ระดับเดียวหรือต่ำกว่าระดับราง ไม่เกิน 1-2 เซนติเมตร
2. รางโชว์ ใช้ไม้ด้ามจูงม่าน สำหรับการใช้งาน มีให้เลือกใช้ทั้ง รางเหล็ก รางอลูมิเนียม รางลายไม้ รางไม้ ลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน จะเป็นในเรื่องของดีไซน์ หัวราง, ขาจับ และห่วงรางโชว์ เพื่อ ที่จะทำให้สอดคล้องกับรูปแบบของห้องให้มากที่สุด รางระบบนี้เมื่อติดตั้ง ระดับของตัวม่านจะอยู่ต่ำกว่ารางไม่เกิน 2-3 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับ ดีไซน์แฉพาะ ของห่วงรางในแต่ละสไตล์
ม่านพับ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีขนาดเล็ก ไม่ใหญ่มากนัก รางม่านพับที่ทางร้านเลือกใช้เป็นรางระบบโรตารี่ จึงไม่มีปัญหาติดขัดในการดึงม่าน ล็อกผ้าม่านด้วยระบบเกียร ทำให้ง่ายต่อการดึง โดยตัวเกียรจะล็อกตัวเองทันทีที่หยุดดึงโซ่
ม่านพับ ของร้านเราเมื่อพับเก็บจะมีการไล่ระดับชั้นของแต่ละชั้นเท่ากัน มีช่องไฟเมื่อพับเก็บเท่ากัน สวยงามเป็นระเบียบ
ม่านม้วน ตัวม่านส่วนใหญ่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ไม่อมฝุ่น มีให้เลือกใช้งาน 3 ชนิดคือ
- ใบผ้ากันแดด ( Sun Screen )
- ใบผ้าทึบแสง (Blackout )
- ใบผ้าที่ยอมให้แสงผ่านได้บ้าง ( Dimout ,ให้แสงสลัวเมื่อผ่านแสงแดด)
- ใบผ้าที่สลับช่องว่าง ระหว่างเนื้อผ้าทึบ และเนื้อผ้าโปร่ง ลักษณะการใช้งานแบบ 2 ชั้น
(Magic screen)ตัว ใบม่านแต่ละชนิดก็ยังมีให้เลือกอีกหลายแบบและหลายสี
ข้อดีของม่านม้วน คือ ใช้เนื้อที่ในการติดตั้งไม่มาก ติดตั้งได้ง่าย ใช้พื้นที่เมื่อม้วนม่านเก็บน้อยมาก จึงไม่เก็บฝุ่น และทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยรูปแบบที่ทันสมัย ม่านม้วน จึงเป็นทางเลือกที่สามารถใช้ได้ทั้งกับที่พักอาศัย และ ที่ทำงานสามารถนำมาประยุกต์ใช้แบ่งพื้นที่ห้องให้เป็นสัดส่วน และ สามารถนำมาใช้กั้นแอร์ได้ สำหรับเนื้อผ้าบางชนิด
ม่านม้วนมีระบบรางให้เลือก 2 ระบบคือ ระบบโซ่ดึง ระบบสปริงล็อก
ม่านม้วน ระบบโซ่ดึง
เปิดปิดม่านโดยการดึงโซ่ ตัวม่านจะหยุดเมื่อหยุดดึงโซ่ ข้อดีคือ ตัวโซ่อยู่ด้านข้างจึงติดตั้งได้ทั้ง
ตำแหน่งที่เป็นประตู และ หน้าต่าง
ม่านม้วน ระบบสปริงล็อก
ปิดม่าน โดยดึงสายดึงม่านลง ม่านจะหยุดที่ตำแหน่งที่ปล่อยสายดึงเปิดม่านกระตุกสายดึงม่าน ม่าน
จะม้วนเก็บอัตโนมัต มีข้อดีคือ การเก็บม่านทำได้ง่ายเพียงแค่กระตุกสายดึงม่านม่านม้วน สามารถนำมา
ประยุกต์ใช้แบ่งพื้นที่ห้องให้เป็นสัดส่วน และสามารถนำมาใช้กั้นแอร์ได้ มีข้อดีคือกินพื้นที่ในการติดตั้ง
น้อยมากเมื่อเทียบกับฉากกั้นห้อง แต่จะกั้นแอร์ไม่ได้ไม่ดีเท่ากับการฉากกั้นห้อง
ม่านปรับแสง
ตัวใบม่านมีขนาด89มม. ชนิดของใบม่านสามารถเลือกมาทำได้ทั้ง ใบ ใยสังเคราะห์(เส้นใยโพลี เอส
เตอร์) ใบทึบแสง ใบไฟเบอร์ซันสกรีน ซึ่งในปัจจุบัน ม่านปรับแสงชนิดใยสังเคราะห์ได้รับความนิยมมากกว่าใบ
อลูมิเนียม เนื่องจากมีราคาไม่สูง ให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าเนื่องจากผลิตจากใยสังเคราะห์ ไม่ส่งเสียงรบกวน
ในขณะเปิดปิดม่าน ตัวใบม่านมีให้เลือกทั้งชนิดทึบแสง (blackout) ชนิดที่แสงผ่านได้บ้าง(ไม่ทึบแสง,Dimout)
และ ชนิดที่สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้(sunscreen)โดยที่ยังกันแดดได้ สามารถใช้ได้ทั้งในที่พักอาศัยและ
ออฟฟิต
มู่ลี่ไม้ มี 2 ชนิด ได้แก่ ไม้รามิน และไม้บาสวู้ด
- มู่ลี่ไม้รามิน มี 2 ขนาด คือ 35 มิลลิเมตร (1.5 นิ้ว) และ 50 มิลลิเมตร (2นิ้ว)
- มู่ลี่ไม้บาสวู้ด มี 3 ขนาด คือ 25 มิลลิเมตร (1 นิ้ว) 35 มิลลิเมตร (1.5 นิ้ว) และ 50 มิลลิเมตร (2นิ้ว)
** มู่ลี่ ลักษณะพิเศษ เพิ่มเติม โฟมวู้ด มีขนาดเดียว คือ 50 มิลลิเมตร (2 นิ้ว)
คุณสมบัติ
สามารถกันน้ำได้ ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า และราคาถูก ระบบของมู่ลี่ เป็นระบบที่ใช้เชือกวนเส้นเดียว
สามารถใช้งานได้ทั้งพลิกใบและพับเก็บในเชือกเส้นเดียวกัน (ระบบเชือกวน) ตุ้ม จับมู่ลี่ มีรูปลักษณ์ที่เหมาะสม
จับถนัดมือ ไม่ลื่นหลุดง่าย เส้นใยสังเคราะห์ ของตัวเชือก แข็งแรง และสามารถรองรับน้ำหนักการใช้งานได้
อย่างมีประสิทธิภาพ
ลักษณะหน้าราง ที่หัวรางมู่ลี่ มี 2 แบบ คือ แบบสไลด์ ปิดหน้ารางและ แบบกล่องฝาครอบรางการเลือก
รูปแบบในการใช้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่หน้างาน เป็นส่วนใหญ่